banner

关于我们

 

基本信息

中文名 : 郭运兴 ,又名 : 酉星
泰文名 : 邬泰•威纳息替荀通 (Uthai Veerasitthisoonthorn)
国籍 : 泰国南部甲米俯人
身高 : 180 cm.
体重 : 73 kg.

邬泰泰拳简介 :

乃邬泰•维纳息替荀通(郭运兴)从小喜爱武术,且学到一身泰拳,对泰拳也深有研究,现为 了使更多爱好泰拳的中国人能学到正宗的泰拳,便与各泰拳馆合作开办泰拳培训。
郭师傅出生于泰国,幼年主要在泰国、马来西亚、老挝、柬埔寨、香港和中国度过。曾在厦门大 学中文系和艺术学院留学四年,精通中文、广东话、福建话、泰语。。。。。。

邬泰书画简介 :

邬泰(郭运兴)自幼随父母到中国大陆,并接受中华文化教育,因从小热爱艺术曾求学于厦门 大学,福建省工艺美 术学院,观光学校及新加坡学校,在就读期间,曾得到厦门大学艺术 系教授余 纲,厦门书协主席罗丹,白鸿及山水画家张晓寒,花鸟画师张人希,王仲谋 等名家之指点,加上自 己不断探索,刻意求新,又对历代书画家颜真卿、曾熙、李瑞 清、张大千及明清四王画家先师的精 蕴外,还对石涛、八大山人、董源、范宽等名家 之著临习,得其神髓,且勤于笔耕,在取材自然, 逐形成个人之风格,笔道十分的胆 大,沉雄浑厚。。。。。。

泰拳手,书画家,泰华裔,他叫郭酉星,见识他自强不息立人间的故事
เส้นทางสู่ความสำเร็จของนักมวยและจิตรกรชาวไทยสายเลือดมังกร “อุทัย  วีระสิทธิสุนทร”
认识郭酉星的人,都以为他不是泰国人。因为,他高高的个子,大大的嗓门,爱笑爱说,能文能武,一看就不像佛系子弟,倒很有闯荡江湖的侠士之风。
ใครก็ตามที่ได้พบเจอกับ คุณอุทัย  วีระสิทธิสุนทร (ชื่อจีน กัว โหย่วซิง) จะต้องคิดว่าเขานั้นไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ คุยเก่งและเสียงดัง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ซึ่งเป็นบุคคลิกที่หาได้ยากในสังคมคนไทย
郭酉星命运坎坷多舛的磨难,反而造就了他丰富多彩的人生。就职业而论,他既是中文老师又是书画家,既是旅游界人士又是泰拳、武术拳手。文武双全,却总是怀才不遇。
ช่วงชีวิตที่มีดีบ้างร้ายบ้างของคุณอุทัยนั้น ทำให้ชีวิตช่างมีสีสันเสียเหลือเกิน ด้วยอาชีพที่เป็นทั้งครูสอนภาษาจีนและจิตรกร รวมถึงการทำธุรกิจท่องเที่ยวและบทบาทของการเล่นมวยไทย และศิลปะการป้องกันตัววูซูของจีน เก่งรอบด้านขนาดนี้ แต่ก็มักมีบททดสอบอันแสนยากเย็นเข้ามาในชีวิตของเขาอยู่เสมอ
A--[正名:泰国出生的山东后裔]
A--[รู้จักความเป็นตัวตน:ลูกหลานชาวซานตง ที่เกิดบนแผ่นดินประเทศไทย]
郭酉星的泰名叫邬泰﹒威纳息替筍通(Uthai﹒Veerasitthisoonthorn),他的出生就是命运多舛的开始。
กัว โหย่ว ซิง หรือ อุทัย  วีระสิทธิสุนทร  การเริ่มต้นของโชคชะตาอันแสนโหดร้ายของเขาได้เกิดขึ้น ที่นี่
邬泰的父亲叫通﹒威纳希替筍通(Tong﹒Veerasitthisoonthorn),是泰国为数不多的山东籍后裔,出生在泰国南部甲米府,中文名叫郭宏振。郭宏振的爷爷是清末民初的变法派人物之一,戊戌变法失败后被清政府追杀,不得不乘船躲难来到暹罗,落脚在泰南,从事商业劳作,后来购置了整片土地的橡胶林。郭酉星是在泰国出生的第4代华裔,他传承了山东人的身材和秉性,性格耿直,仗义执言,胆大敢为,勇往直前。
คุณอุทัย เป็นบุตรของ นายทอง วีระสิทธิสุนทร ชื่อภาษาจีนคือ กัว หงเจิน ซึ่งเป็นชาวจีนเชื้อสายซานตงเพียงไม่กี่คน ที่เกิดในจังหวัดกระบี่ ปู่ของนายทองเป็นหนึ่งในนักปฏิวัติช่วงปลายของราชวงศ์ชิง แต่เมื่อเกิดความล้มเหลวจากการปฏิวัติเขาจึงถูกไล่ล่าจากรัฐบาลชิง ทำให้ต้องลี้ภัยมาทางเรือด้วยความยากลำบากมายังแผ่นดินสยาม และตั้งรกรากอยู่ที่ภาคใต้ของประเทศไทย เขาเริ่มทำมาหากินด้วยการประกอบกิจการพาณิชย์ต่างๆ และในเวลาต่อมาก็ได้ซื้อที่ดินสวนยางพาราไว้ทั้งหมด  คุณอุทัยเป็นทายาทรุ่นที่ 4 บนแผ่นดินไทย ซึ่งบุคลิกท่าทางและนิสัยใจคอนั้นช่างเหมือนกับชาวซานตงเป็นอย่างยิ่ง มีความตรงไปตรงมา รักความยุติธรรม กล้าได้กล้าเสีย และมีหัวก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
郭酉星为什么给人感觉不像泰国人呢?因为他身上留有很多中国痕迹,这与他从小的经历有关。
แต่... ทำไมคนอื่นถึงได้รู้สึกว่า คุณอุทัยถึงดูไม่เหมือนคนไทยล่ะ?เป็นเพราะหลายสิ่งหลายเป็นร่างกายของเขานั้นบ่งบอกถึงความเป็นจีนอย่างชัดเจน และสิ่งเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในชีวิตของเขาตั้งแต่เยาว์วัย 
上世纪五十年代初,郭酉星的父亲郭宏振还是一名热血青年,他在泰国素拉育上将的父亲的介绍下参加了泰南共产党,并与几位战友一起回祖国参军,参加了抗美援朝战争,还立下了三等功二次。这段中国人民志愿军的光荣历史,回到当时的泰国,政治环境是当作违法行为,是黑历史。郭父回到泰国后一直帮助家庭经商,互助穷人,赞助寺庙。这时认识了一位福建后裔的女子叫叶亚玉,泰名baiyu拜育﹒息利达军,小名嵩蓬。她祖籍是福建厦门人,家里是甲米府一家殷实华商家庭,从小她就跟着家里做生意。郭宏振与叶亚玉结婚后生育了二男一女,长子郭酉星,次女郭淑珠,幺子郭富生。
ช่วงต้นปี 1950 บิดาของคุณอุทัย (นายทอง  วีระสิทธิสุนทร) ได้เข้าร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ภาคใต้ โดยการชักนำของบิดาของท่านพลเอกสุรยุทธ์  จุลานนท์ (ยิ่ง  จุลานนท์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ สหายคำตัน ”) ซึ่งในปีนั้น นายทองและสหายทั้งหลายร่วมตัวกันในนาม อาสาสมัครประชาชนจีน เพื่อกลับไปแผ่นดินเกิดเข้าร่วมรบกับเกาหลีในการต่อต้านสหรัฐอเมริกาถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในช่วงเวลานั้นคือความรุ่งโรจน์ของอาสาสมัครประชาชนจีนเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อกลับมายังประเทศไทย ทางการไทยกลับมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งหลังจากที่บิดาของคุณอุทัยกลับมานั้น ก็ช่วยครอบครัวทำธุรกิจมาโดยตลอด อีกทั้งยังอนุเคราะห์ผู้ยากไร้และช่วยทำนุบำรุงวัดวาอาราม ในเวลาต่อมาบิดาคุณอุทัย (นายทอง) ได้พบรักกับหญิงสาวชาวเซี่ยเหมิน เชื้อสายฮกเกี้ยน มีนามว่า “เย่ ย่า อวี้” ชื่อไทยคือ Baiyu  ศิริสกุล ชื่อเล่น สมพร ครอบครัวของเธอประกอบธุรกิจ และเธอเองก็ช่วยครอบครัวทำงานมาตั้งแต่เด็ก หลังจากนายทอง และ นาง Baiyu ตกลงปลงใจแต่งงานกันก็ได้ให้กำเนิดบุตรชาย 2 คน บุตรสาว 1 คน ลูกชายคนโตคือ คุณอุทัย  วีระสิทธิสุนทร  บุตรสาวคนที่สอง คุณธนวรรณ  ศิริสกุล และบุตรชายคนสุดท้าย คุณเอกชัย  ศิริสกุล
在郭酉星4岁那年,正值东南亚国家大肆排华的政治风潮,泰国政府也已缉拿泰南共产党的名义,对郭宏振实行抄家。无奈之下,父亲跑去泰缅边境的乌泰他尼府(郭酉星出生地)请求小老婆玲吉(linji)领帮带养几个孩子。1962年郭宏振再次受到泰国政府通缉追杀,迫不得已的情况下,郭父带着二个幼小的儿女和刚出生的三儿子,举家逃到泰北越境云南,辗转回母亲的祖籍福建厦门,这里也是郭父参军退役后政府安排他工作的城市。
ครั้นเมื่อคุณอุทัยมีอายุเพียง 4 ขวบ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังระส่ำระสาย ทางด้านทางรัฐบาลไทยเริ่มมีการออกไล่ล่าแนวร่วมคอมมิวนิสต์ทางภาคใต้ ซึ่งเหตุการณ์นี้มีผลกระทบกับนายทองอย่างหนัก ในเวลานั้นบิดาของคุณอุทัย (นายทอง) ติดสินใจในทันทีว่าต้องหนีไปที่ชายแดนจังหวัดอุทัยธานี (สถานที่เกิดของคุณอุทัย) และมอบหมายให้นางลิ้นจี่ (อนุภรรยาของนายทอง) เป็นผู้ดูแลลูกๆ ทั้งสามคน และในปี 1962 บิดาคุณอุทัย (นายทอง) ได้ถูกไล่ล่าจากทางการไทยอีกครั้ง ด้วยสถานการณ์บังคับทำให้ต้องพาครอบครัว ทั้งลูกชายและลูกสาวทั้งสอง และยังมีลูกชายคนเล็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกมาได้ไม่นาน หลบหนีไปทางตอนเหนือของไทยข้ามแดนเข้าไปในมณฑลยูนนาน เพื่อไปยังเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน แผ่นดินแม่ และเมื่อไปถึงที่นั้น บิดาของคุณอุทัย (นายทอง) ก็ได้กลับเข้าไปร่วมกับกองทัพอีกครั้ง 
郭氏父母回到中国非常幸福安稳地生活了几年,当时尽管国内生活物质贫乏,文革斗争乌烟瘴气,他们夫妇开了小生意及就业工作还算过得去,能让一家人过上温饱日子
การกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีของครอบครัวตระกูลกัวนั้น ช่างราบรื่นและมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าในเวลานั้นจะเกิดความขัดสนของประชาชนภายในประเทศเนื่องจากปัญหาการปฏิวัติทางวัฒนธรรมก็ตาม แต่สองสามีภรรยา (พ่อแม่คุณอุทัย) ก็ได้เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสมาชิกภายในครอบครัวได้
天有不测之风云。1967年底,当时中国大地上疯狂刮着文革风也无情刮进小小的郭家。有人举报,郭宏振是海外华侨,家里在泰南有几百莱土地,在厦门郊区还有祖上留下的四合院一座,他的历史不清楚。于是突然一天,红卫兵闯进郭家大抄家,把家中书籍和厦门房产资料、生活用品翻乱一地,从泰国带回的资料全部没收,包括房产证、地契、户口、出生纸等。郭宏振被当作敌特嫌疑被红卫兵强行抓走。
แต่ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นั่นคือสัจธรรม ช่วงปลายปี 1967 เกิดการปฏิวัติทางวัฒนธรรมอย่างดุเดือนบนดินแดนจีน เคราะห์กรรมโหมกระหน่ำสู่ครอบครัวตระกูลกัวอย่างไร้ความปราณี มีผู้ไม่หวังดีไปฟ้องทางการว่า บิดาของคุณอุทัย (นายทอง หรือ กัว หงเจิน) คือชาวจีนโพ้นทะเลที่มีทรัพย์สินและที่ดินอยู่ทางภาคใต้ของไทยหลายร้อยไร่ อีกทั้งยังมีทรัพย์สินที่บรรพบุรุษมอบให้มากมาย ซึ่งมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ไม่นานนัก เรดการ์ด ก็บุกเข้าไปในครอบครัวตระกูลกัว รื้อค้นทรัพย์สินและของใช้ในชีวิตประจำวันและได้ยึดเอาไว้เป็นทรัพย์สินส่วนกลางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือแม้แต่ทะเบียนบ้าน รวมทั้งเอกสารสำคัญที่นำติดต่อจากประเทศไทย เช่น ทะเบียนบ้าน โฉนดที่ดิน บัญชีธนาคาร สูติบัตร เป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น บิดาของคุณอุทัย (นายทอง หรือ กัว หงเจิน) ถูกต้องสงสัยจากเรดการ์ดว่าเป็นศัตรูของประเทศ จึงทำให้ถูกคุมตัวไปกักขัง
当时9岁的郭酉星尚不谙世事,除了傻玩并不懂政治。父亲被安上四个罪名:华侨、特务、地主、富农。当时父亲不服并上诉到中国军政部门,证明自己曾参军抗美援朝立过战功。但是,疯狂的红卫兵反而给郭宏振再加一条罪:反军黑干将。直到1968年夏季的一天,郭酉星的舅舅叶狮(母亲叶亚玉的弟弟,他回国参加了海军在厦门工作)跑到家里拉着他的小手急忙往外跑,跌跌撞撞跑到鼓浪屿岛的黄家渡码头,他惊恐地看到一幕:爸爸弯着腰,面部朝上倒在一条石墩上,他的右手被绑着绳子挂在桥墩上,他一动不动瞪着已无神的双眼。舅舅告诉他:“你爸爸死了。”他吓傻了,看见有人拉上爸爸尸体,然后上去覆盖爸爸的双眼,爸爸的鼻子和嘴巴里突然冒出很多鲜血。舅舅马上捂住他的眼睛,他悲伤而仇恨地问舅舅:“谁打死我爸爸?”舅舅悲伤地说:“不要多问了,政府说,他是自杀的。你还小。”当晚,郭酉星回到家,看到母亲强忍着不敢大声哭出声来那悲痛欲绝的神情,这一幕幕,他永生难忘。
ในเวลานั้น คุณอุทัยในวัย 9 ขวบ ยังเดียงสานักต่อโลกภายนอก นอกจากเล่นสนุกไปตามวัย ปัญหาทางการเมืองก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับเด็กในวัยนี้ บิดาของคุณอุทัย (นายทอง หรือ กัว หงเจิน) ถูกตั้งข้อหาถึง 4 ข้อหาด้วยกัน คือ เป็นชาวจีนโพ้นทะเล เป็นสายลับ เป็นเจ้าของที่ดิน และเป็นชาวนาที่ร่ำรวย ซึ่งบิดาของคุณอุทัย (นายทอง หรือ กัว หงเจิน) ไม่ยอมรับข้อหาที่กล่าวมาทั้งหมด และได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อหน่วยงานทหารของจีนและต้องการพิสูจน์ให้ทางการรับรู้ว่า เขาคือหนึ่งในอาสาสมัครประชาชนจีน ที่ไปร่วมรบกับเกาหลีเพื่อต่อต้านสหรัฐอเมริกา แต่เรดการ์ดกลับเพิ่มข้อหาอาชญากรรมให้กับบิดาของคุณอุทัย (นายทอง หรือ กัว หงเจิน) อย่างไร้ความยุติธรรม จนกระทั่งวันหนึ่งของฤดูร้อน ช่วงปี 1968 Ye Shi น้าชายของคุณอุทัย (น้องชายของ เย่ ย่า อวี้ มารดาของคุณอุทัย เขากลับมาอยู่ประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมกองทัพเรือที่เซี่ยเหมิน) วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความร้อนรนแล้วจูงมือน้อยๆ ของคุณอุทัย และพาวิ่งออกไปด้วยความลนลานไปยังท่าเรือหวงเจียตู้ บนเกาะกูหลาง ภาพอันหน้าสยดสยองตรงหน้าของคุณอุทัยตอนนั้นคือ พ่อของเขาถูกมัดไว้ที่ท่าเรือที่รายล้อมไปด้วยหินใน พ่ออยู่ลักษณะก้มหน้าลง มือขวาถูกผูกติดไว้กับสะพานบนนท่าเรือ เขาจ้องมองยังร่างที่ไร้วิญญาณนั้นอย่างไม่ไหวติง น้าชายของเขาพูดว่า “พ่อเธอตายแล้ว” เขารู้สึกหวาดกลัวมาก เขาเห็นคนกำลังดึงร่างพ่อ หลังจากนั้นเขาก็ปิดตาพ่อลง ทันใดนั้นก็มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาทางปากทางจมูกของพ่อ น้าชายเอามือปิดตาเขาทันที เขาถามน้าชายด้วยอารมณ์เศร้าและความรู้สึกเกลียดชังอยู่เต็มหัวใจ “ ใครฆ่าพ่อฉัน ” น้าชายตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกว่า “อย่าถามมากเลย เธอยังเด็กนัก ทางการบอกมาแต่เพียงว่าพ่อของเธอฆ่าตัวตาย”  ในคืนนั้น คุณอุทัยกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นสีหน้าอันแสนเศร้าโศกของแม่ แต่ไม่กล้าแม้ที่จะร้องไห้ออกมาดังๆ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งเป็นภาพจำในชีวิตของเขาที่ยากจะลบเลือน
后来,舅舅叶狮千方百计重返泰国,他带着姐姐的长子9岁多的郭酉星从云南偷渡回到泰国。当年,舅舅和父亲一样一腔热血投奔祖国,回国参加了海军,而今,诡异的政治风云让舅舅看不懂了,他只得选择重返泰国。
ต่อมา น้า Ye Shi ได้หาหนทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง และได้พาลูกชายของพี่สาววัย 9 ขวบ นั่นก็คือ คุณอุทัย กลับมาด้วย โดยลักลอบผ่านทางมณฑลยูนนานเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งในครั้งที่น้าชายกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนนั้น ด้วยเพราะมีอุดมการณ์เฉกเช่นเดียวกับบิดาของคุณอุทัย นั่นคือเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพ แต่ในเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองแปลกเพี้ยนไปและยากที่จะเข้าใจได้ จึงตัดสินใจกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง
B--[返泰:爱上泰拳的英俊小伙]
B--[กลับสู่แผ่นดินดิน:หนุ่มหล่อผู้หลงไหลศิลปะมวยไทย]
回到泰国是陌生环境,他从小学习中文,泰语忘记了,必须重新学习。他的外公叶朝非常疼爱他,外公说:“叶家所有孙子里,你是最帅的,也是最乖的。你有艺术天分,不要老是想着报仇,还是好好去发挥自己的艺术吧。”当时在外公和大表哥的资助下,他去槟城和新加坡读书,后来他又考上厦门大学艺术系。
การกลับมาครั้งนี้ คุณอุทัยยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมเมืองไทยมากนัก เขาเติบโตมากับการพูดภาษาจีนจนลืมภาษาไทยไปจนหมดสิ้นแล้ว ซึ่งก็ต้องทำให้เริ่มต้นเรียนภาษาไทยใหม่อีกครั้ง คุณอุทัยมีคุณตาชื่อว่า Ye Chao ซึ่งรักและเอ็นดูคุณอุทัยมากเป็นพิเศษ และมักจะพูดเสมอว่า “ ในบรรดาหลานชายตระกูลเย่ เธอเป็นคนที่หล่อที่สุด และดีที่สุด เธอมีความสามารถด้านงานศิลปะ จงอย่าคิดเรื่องแก้แค้นถึงสิ่งที่ผ่านาในอดีตเลย จงเอาเรี่ยวแรงไปใช้กับงานศิลปะเสียเถิด” ในเวลานั้นคุณตาและเหล่าบรรดาญาติๆ ได้ร่วมกันรวบรวมเงินและส่งเสียคุณอุทัยไปเรียนต่อที่ปีนังและสิงคโปร์ หลังจากนั้นเขาได้เข้าเรียนต่อด้านศิลปะที่มหาวิทยาลับเซี่ยเหมิน
16、7岁的郭酉星长成英俊帅气、青春挺拔小伙子。当他在泰国遇见了泰拳,这项竞技运动一下子吸引了他。他心里冒出一团火,他说:“我要学泰拳,我要有本领保护自己和家人。”
ครั้งเมื่อคุณอุทัยเติบโตเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ อายุราว 16-17 ปี ซึ่งในเวลานั้นเขาได้รู้จักกีฬามวยและหลงรักกีฬาประเภทนี้เข้าเต็มเปา ทำให้ไฟในกายของเขาลุกโชนขึ้นมาทันที และบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะต้องเรียนมวยไทย ฉันจะป้องกันตัวเองและปกป้องครอบครัวที่ฉันรัก”
于是,泰国的泰拳擂台上,出现了一位身材高大的帅气拳手,因为也拜师学过武术,有人总是指责他的动作不是纯泰拳标准动作,带有武术痕迹。他的理论是:打拳就是把对方打倒,上擂台我不违规能把你打倒,我就赢了,哪用刻意那些动作?
และนั่น ทำให้มีนักมวยหนุ่มรูปหล่อ สูงยาวเข่าดี เกิดขึ้นบนสังเวียนมวยไทย ด้วยความที่คุณอุทัยเคยฝึกมวยวูซูของจีนมาก่อน จึงมีคนบางกลุ่มวิพากวิจารย์เพลงมวยของเขาว่าไม่ใช่มาตรฐานมวยไทยอย่างแท้จริง แต่กลับมีกลิ่นอายของความเป็นมวยวูซู ซึ่งทฤษฎีของคุณอุทัยก็คือ “การต่อยมวยคือการทำให้คู่ต่อสู้ล้มลง การที่ผมทำให้คุ้มล้มลงบนผืนผ้าใบได้ผมก็ชนะแล้ว ทำไมต้องไปใส่ใจท่าทางการเคลื่อนไหวด้วย”
由于疯狂爱上泰拳,他不慎把耳膜打穿孔,听力受到影响。直到今天年过60岁了,他说耳膜2/3已经穿孔,经常听不清别人讲话,所以他一直以来讲话声音很高,是无意识的行为,但在泰国这个佛国习惯了低声细语,他常常被人误会声音大没礼貌。这点让郭酉星很是无奈和抱歉。
ด้วยความที่คุณอุทัยหลงใหลกีฬามวยไทยอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาไม่ระมัดระวังการต่อสู้จนแก้วหูได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อการได้ยินจนมาถึงตอนนี้ในวัย 60 แก้วหูของเขามีปัญหารูพรุนถึง 2 ใน 3 ทำให้ได้ยินเสียงไม่ชัดเจน เขาจึงมักจะลืมตัวพูดเสียงดังอยู่เสมอ ซึ่งเมืองพุทธอย่างประเทศไทยนั้นเคยชินกับการคุยกันด้วยเสียงเบาๆ จึงทำให้มีอยู่บ่อยครั้งที่คุณอุทัยมักจะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาท ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ไม่รู้ว่าแก้ไขปัญหานี้อย่างไรและรู้เสียใจเป็นอย่างมาก
C--[出拳:我是男儿我是泰拳手]
C--[ออกหมัด:ฉันคือสุภาพบุรุษมวยไทย]
翻开郭酉星的人生故事,最闪光的一页,把我们带到1986-1988年。
ย้อนกลับไปช่วงปี 1986 – 1988 เพื่อพบกับความรุ่งโรจน์เจิดจรัสในชีวิตของคุณอุทัย เรามาติดตามไปพร้อมกัน…
那时刚刚大学毕业,郭酉星20多岁,帅气耿直,义肝侠胆。当时他从香港结束导游生涯,回到曼谷旅游界,当旅行社老板兼做导游。他优势地掌握泰语、英语、普通话、闽语、粤语等多种语言,当导游得天独厚。当时中国大陆还没有开放国民海外游,泰国接待的中国团多是香港、澳门、台湾的游客。就在大家争客抢团的时候,他大胆提议:去欧洲拉团,目标苏联团和越南团。 
คุณอุทัย ในวัย 20 ปี มีหน้าตาอันหล่อเหลาและบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ในเวลานั้นเขาเป็นไกด์นำเที่ยวอยู่ที่ฮ่องกงและกลับมาประเทศไทยเพื่อเปิดบริษัททัวร์ ซึ่งตัวเขาเองเป็นทั้งเจ้าของและไกด์ในเวลาเดียวกัน และด้วยความที่คุณอุทัยมีความเข้าใจในหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง ภาษาจีนฮกเกี้ยน ภาษาจีนกวางตุ้ง และภาษาอื่นๆ อีกหลายภาษา ทำให้การเป็นไกด์นำเที่ยวของเขานั้นง่ายดายเสียเหลือเกิน ทั้งนี้ ช่วงเวลานั้นประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่อนุญาติให้ประชาชนออกท่องเที่ยวนอกประเทศ ลูกทัวร์ของคุณอุทัยจึงเป็นชาวฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เสียส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจนี้ก็ค่อนข้างสูง คุณอุทัยจึงมีความคิดริเริ่มในการเจาะกลุ่มลูกค้ายุโรป ซึ่งเป้าหมายคือจะดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวในแถบสหภาพโซเวียตและประเทศเวียดนามเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
于是他自费去欧洲参加18国家联合举办的旅游展会。那天,在自己的展台前,没有带来任何装饰广告,他灵机一动,借来彩笔自己画。他画了一组美丽的泰国风光,大皇宫、湄南河、椰风沙滩、美女风情,多姿多彩的画作点缀着他的展位特别显眼。一天,一位俄罗斯旅游局长被他热带风情绘画吸引了,带着几个官员走进他的展位,问道:“这些美景是泰国?”他答:“对,我是泰国人。”对方问:“泰国这么美?”他笑着答:“对,泰国是世界上最美的国家,你来旅游,我给你当导游。”那人再问:“这是你画的?”郭酉星说:“对,我画的,我没有带广告版来,只得自己画。”他好奇地问:“你是搞旅游的,怎么会画画?”郭酉星告诉他:“我是中国厦门大学艺术系毕业的,我在泰国和朋友搞过几次画展了。”俄罗斯是个崇尚艺术的民族,他们像发现了宝藏一样惊喜,马上邀请郭酉星去前苏联搞画展。就这样,郭酉星与俄罗斯城市艺术中心、海参威城市艺术中心这些政府机构签订合约,带上自己100多幅书画作品,飞到前苏联,在俄罗斯和海参威轮流举办了一个多月的异国精彩个人展。
ในที่สุดคุณอุทัยก็เริ่มต้นความคิดของเขาด้วยการไปร่วมงานแสดงนิทรรศการท่องเที่ยวที่สหภาพยุโรปจัดขึ้น โดยมีผู้ร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ถึง 18 ประเทศ ซึ่งคุณอุทัยได้ใช้เงินส่วนตัวทั้งหมดในการออกบูธครั้งนี้  ในวันนั้นเขาไม่ได้นำสื่อโฆษณาใดๆ เพื่อไปประดับบูธจัดแสดงของเขาเลย แต่ด้วยความอัจฉริยะของคุณอุทัย เขาได้ใช้ดินสอสีที่ยืมมาวาดรูปทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองไทยด้วยตัวของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็น ภาพความงดงามของพระราชวัง ภาพแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพทิวมะพร้าวที่ทอดยาวเรียงรายอยู่ริมชายหาด และภาพความงดงามของหญิงสาวชาวไทย ทำให้บูธจัดแสดงของเขามีสีสันและโดนเด่นเป็นอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่ง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวของรัสเซียได้มาเห็นภาพวาดของคุณอุทัยในบูธจัดแสดงก็ประทับใจเป็นอย่างมาก เขาได้พาเจ้าหน้าที่ที่ติดตามเข้ามาดูภาพวาดในบูธของคุณอุทัย และได้มีการสอบถามกับทางคุณอุทัยว่า “ทิวทัศน์อันงดงามนี้คือประเทศไทยหรือ?”คุณอุทัยตอบว่า “ใช่ครับ และผมเป็นคนไทยครับ” อีกฝ่ายได้ถามอีกว่า “ประเทศไทยสวยขนาดนี้เลยหรือ?” คุณอุทัยยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ประเทศไทยคือประเทศที่สวยที่สุดในโลก ถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวผมจะอาสาเป็นไกด์ให้คุณเองครับ”อีกฝ่ายถามต่อว่า “แล้วภาพพวกนี้คุณเป็นคนวาดเองหรือ?” คุณอุทัยได้ตอบอีกฝ่ายไปว่า “ใช่ครับ ผมเป็นคนวาดเอง ผมไม่ได้นำสื่อโฆษณาอะไรมาเลยครับ เลยจะต้องวาดรูปพวกนี้เองครับ” อีกฝ่ายถามด้วยความสงสัยว่า “คุณทำทัวร์ แต่ทำไมถึงวาดรูปได้ล่ะครับ?”คุณอุทัยตอบกลับไปว่า “ผมเรียนจบด้านศิลปะมาจาก มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน และมีโอกาสได้จัดแสดงผลงานศิลปะของตัวเองร่วมกับเพื่อนๆ ที่เมืองไทยมาบ้างครับ” ด้วยชาวรัสเซียเป็นประเทศที่หลงใหลในงานศิลปะเป็นอย่างมากเปรียบเสมือนสิ่งที่มีค่าอย่างหนึ่งก็ไม่ปาน ซึ่งทำให้พวกเขารีบทาบทามคุณอุทัยไปร่วมจัดแสดงผลงานศิลปะที่สหภาพโวเวียตในทันที คุณอุทัยได้มีการเซ็นสัญญาลงนามเพื่อรวมจัดแสดงงานศิลปะที่ศูนย์นิทรรศกาลศิลปะในเมืองหลวงของรัสเซีย และศูนย์นิทรรศกาลศิลปะเมืองวลาดิวอสตอค โดยจะผลัดกันจัดแสดง ระยะเวลาที่ละ 1 เดือนกว่า ซึ่งในครั้งนั้นคุณอุทัยได้นำผลงานศิลปะภาพวาดและงานประดิษฐ์ตัวอักษรไปจัดแสดงกว่า 100 ผลงาน
1988年国家之间的民间艺术交往还很贫乏,郭酉星是海参威市政府邀请来办个人画展的第一个泰国人。当时画展在本地36层的市政府大厦底层艺术中心举办,开幕式盛况空前,城市里各个阶层的人都赶来参观画展,人头攒动。俄罗斯民族有买画装饰家居环境的传统,于是郭酉星的书画作品成为畅销商品。媒体记者蜂拥而至,在电视上、报刊杂志上报道泰国画家郭酉星一个多月。不断在电视、报刊上露脸,当他走进政府食堂买午饭时,所有排着队的人都让位给他,称他是“东方艺术家”。
การแลกเปลี่ยนงานศิลปะระหว่างชนชาติในช่วงปี 1988 ที่ยังคงเป็นไปด้วยความลำบากนั้น คุณอุทัยคือคนไทยคนแรกที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเมืองวลาดิวอสตอคให้มาจัดแสดงผลงาน ซึ่งในเวลานั้นผลงานศิลปะของคุณอุทัยถูกจัดแสดงอยู่บนชั้น 36 ของศูนย์นิทรรศการ ในวันเปิดงานนิทรรศการมีผู้คนหลั่งไหลเข้าดูงานศิลปะมากเป็นประวัติกาล แต่ละชั้นภายในอาคารแออัดไปด้วยผู้คนมหาศาล ด้วยเพราะชาวรัสเซียนั้น มักนิยมซื้อภาพวาดเพื่อใช้สำหรับการตกแต่งบ้านเรือน ซึ่งในเวลานั้นงานประดิษฐ์ตัวอักษรของคุณอุทัยกลายเป็นสินค้าขายดีของงานทีเดียว สื่อมวลชนหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นทางทีวี หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ต่างพากันรายงานข่าวเรื่องราวของจิตรกรชาวไทย เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือน ทำให้ชาวพื้นเมืองเห็นหน้าค่าตาของคุณอุทัยผ่านสื่ออยู่ตลอด จำได้ว่ามีอยู่วันหนึ่ง เขาไปซื้ออาหารเที่ยงที่โรงอาหาร ผู้คนที่ต่อแถวซื้ออาหารอยู่ต่างพากันหลีกทางให้แก่เขา และพากันเรียกคุณอุทัยว่า “ศิลปินตะวันออก”
一天,有位当地记者带着挑衅口吻问郭酉星:“我听说,你们泰国每个男人就会泰拳,你会吗?”郭酉星笑着用英语说:“你要和我试试吗?”那记者说:“你敢吗,明天去我们拳馆比试比试?”郭酉星说:“我是来办画展的,不是来打拳赛的。你要比试,你就到曼谷来。”记者说:“不比赛,交流一下而已。”
วันหนึ่งมีนักข่าวท้องถิ่นรายหนึ่งเข้ามาคุยกับคุณอุทัยและถามคำถามอันแสนยั่วยุว่า “ผมได้ยินมาว่า ผู้ชายไทยทุกคนจะต้องต่อยมวยเป็นใช่ไหม คุณต่อยเป็นหรือเปล่า?” คุณอุทัยยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “คุณจะลองต่อยกับผมดูไหมล่ะ?” นักข่าวตอบว่า “คุณกล้าไหมล่ะ พรุ่งนี้เจอกันที่สนามมวย ลองดูสักตั้งไหม?” คุณอุทัยตอบกลับไปว่า “ผมมาที่นี้เพื่อจัดแสดงผลงานศิลปะ ไม่ได้มาแข่งชกมวย แต่ถ้าคุณจะลอง ก็ต้องไปเจอกันที่กรุงเทพฯ” นักข่าวจึงตอบว่า “ไม่ได้แข่งขัน แค่มาแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น”
 果然第二天,这记者带来两位拳击手挑战郭酉星。望着牛高马大的对手,郭酉星不动声色,对方以为他心虚了,就主动上来出拳攻击,只见他不慌不忙,拉开招式,接招一个大摆腿,就把对方打倒。在场的人都看呆了,没想到这个文质彬彬的帅气画家居然深藏不露,真有功夫。
วันถัดมา นักข่าวคนเดิมได้พานักมวย 2 คน เข้ามาท้าทายคุณอุทัย เขามองไปที่คู่ชกรูปร่างสูงใหญ่ด้วยความนิ่งเฉย อีกฝ่ายคิดว่าเขากลัวจึงเริ่มออกหมัดโจมตี ซึ่งคุณอุทัยก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด ทันใดนั้นคุณอุทัยจึงเริ่มเปิดความเคลื่อนไหวฟาดคู่ต่อสู้เข้าไปเต็มขาและล้มลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันตกตะลึง ต่างไม่คิดว่าจิตรกรผู้หล่อเหลาและมีความโอนโยนผู้นี้ จะมีพลังอันร้ายกาจซ่อนอยู่
那记者不服气,第二天下午又叫来俄罗斯国际拳击冠军与跆拳道拳王来和郭画家一试高低。几位协助画展的当地朋友劝郭酉星,不要和这种厉害角色硬拼。郭酉星笑着说:“没事,我被打倒了,你们送我去医院治伤;他被打倒了,你们做好抬得动他的准备。”这一刻消息传开,围观者成叠成圈,郭酉星心想:正好,让你们见识一下泰拳!对方牛高马大,主动攻击,郭酉星不慌不忙,智慧接招,一个肘两个膝,三两下把对方打倒在地。原来世界冠军也如此不堪一击。这一刻,郭酉星在当地媒体渲染下,更加名声大振。
ซึ่งนักข่าวคนนั้นก็ยังไม่พอใจ ช่วงบ่ายของวันถัดมา เขาได้พาแชมป์มวยสากลของรัสเซียและนักเทควันโดมาประลองฝีมือกับจิตกรหนุ่มอีกครั้ง เพื่อนๆ ที่มาร่วมจัดแสดงผลงานที่เป็นคนในพื้นที่ต่างพากันห้ามปรามคุณอุทัยด้วยรู้ดีกว่าคนพวกนี้ร้ายกาจมากแค่ไหน แต่คุณอุทัยกลับตอบด้วยอารมณ์ขันว่า “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเกิดว่าผมถูกเขาชกล้มลงไปพวกคุณก็ช่วยพาผมไปโรงพยาบาลด้วยก็แล้วกัน แต่ถ้าทางเขาเป็นฝ่ายล้มลงไปพวกคุณก็ช่วยพยุงเขาขึ้นมาด้วยละกันนะ” ซึ่งข่าวการประลองมวยนี้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว มีฝูงชนเข้ามามุงดูกันเป็นจำนวนมาก คุณอุทัยคิดในใจว่า ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้คนเหล่านี้ได้เห็นความร้ายกาจของแม่ไม้มวยไทย ในขณะนั้นคู่ต่อสู้ร่างยักษ์ก็ออกอาวุธโจมตีคุณอุทัยอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังนิ่งเฉยดูท่าทีคู่ต่อสู้อย่างเฉลียวฉลาด ทันใดนั้นคุณอุทัยก็ออกอาวุธศอกหมัดเข่าลอย จนคู่ต่อสู้ล้มตึงลงไปกองกับพื้น จากแชมป์มวยสากลระดับประเทศก็ไม่สามารถรักษาเข็มขัดไว้ได้ ในเวลานั้นสื่อต่างๆ ให้ความสนใจในการนำเสนอข่าวของคุณอุทัยอย่างมากมาย ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของคุณคุณอุทัยนั้นโด่งดังยิ่งไปกว่าเดิม
正当他暗生得意之时,泰国泰拳界的反应却是:“谁批准你代表泰国去打拳?谁让你说你是泰国人?”郭酉星的心被浇凉了,刺伤了,正因为他懂,他不能擅自代表泰国去打拳赛,他才坚持不肯去当地拳馆上擂台,而是在画馆的场地小试牛刀。这件事他坚信自己没有错:“作为泰国人,我让挑衅者明白了什么是泰拳和国家精神;作为一个男子汉,我证明了自己能够顶天立地。”
ในขณะที่คุณอุทัยรู้สึกภาคภูมิใจกับมวยไทยที่เป็นศิลปะป้องกันตัวประจำชาติไทยนั้น แต่คำพูดที่เขาได้รับคือ “ใครอนุญาตให้คุณต่อยมวยในนามของประเทศไทย ? ใครอนุญาตให้คุณพูดว่าคุณเป็นคนไทย ?” ในความรู้สึกของคุณอุทัยตอนนั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เขารู้ตัวดีกว่าเขาไม่ใช่ตัวแทนของประเทศไทยเพื่อมาแข่งขันชกมวย ซึ่งตัวเขาเองก็ออกตัวตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่ไปที่สนามกีฬาแห่งนั้น สำหรับเรื่องนี้เขาเองเชื่อมั่นว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด “ในฐานที่ผมเป็นคนไทย ผมได้ทำให้ผู้ที่มาท้าทายเข้าใจแล้วว่า จิตวิญญาณของมวยไทยที่เป็นศิลปะประจำชาติคืออะไร และในฐานของลูกผู้ชาย ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผมมีความมุ่งมั่นมากแค่ใหน”
说起这段经历,郭酉星很是感慨,他说:“有句古话叫:庶民无罪,怀才是罪。就是说,普通百姓如果太有才干,光芒刺疼了当权者,你就是有罪。”可能正是因为这一点,郭酉星走到哪里都有人对他不服。不过,一切都是过程和体验,一切也都是过眼烟云,郭酉星以60岁的人生来感悟、解读,他以全新的姿态面对生活,“这个世界上,没有人能把你打趴下,只有你自己。”
พอพูดถึงเรื่องนี้ คุณอุทัยก็อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เขากล่าวว่า “คำโบราณกล่าวไว้ว่า ทำดีได้ แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย” กล่าวคือ คนธรรมดาที่มีความสามารถจนโดดเด่นเกินหน้าเกินตาผู้ที่มีบารมีมากกว่าก็จะเป็นภัยต่อตัวเองได้เช่นกัน อาจเป็นเพราะว่าแต่ละที่ที่เขาย่างกรายเข้าไปมักจะมีคนที่ไม่ชอบเขาแอบแฝงอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการทดสอบของธรรมชาติที่เป็นประสบการณ์ที่ดี คุณอุทัย  วีระสุทธิสุนทร ในวัย 60 เข้าใจสัจธรรมของชีวิตอย่างท่องแท้ เขาปรับทัศนคติทั้งหมดในการใช้ชีวิต “บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะทำลายชีวิตของคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง”
D--[活着:活出精彩的泰华名人]
D--[บั้นปลายชีวิต:ชาวไทยเชื้อสายจีนกับชีวิตที่แสนอัศจรรย์
郭酉星一直怀念他的外祖父,一位泰南生长的福建籍华商。外公和大表哥经常给予这位最疼爱的外孙以经济支助,也是他人生重要的启蒙老师。
คุณอุทัยรำลึกถึงคุณตาของเขาเสมอ คุณตาเป็นนักธุรกิจเชื้อสายฮกเกี้ยนที่ประสบความสำเร็จอยู่ทางภาคใต้ของไทย คุณตาและเหล่าบรรดาญาติพี่น้องมักจะคอยช่วยเหลือสนับสนุนหลานรักคนนี้อยู่เสมอ ท่านเปรียบเสมือนคนสำคัญและต้นแบบในการดำเนินชีวิตของเขามาโดยตลอด
1982年到1986年间,外祖父出面叫做生意的表哥出资50万泰铢,供郭酉星回国求学,实现他搞艺术的梦想。他回到福建,在省工艺美术学校和厦门大学艺术系拜师学艺并毕业。他师从过山水大师张晓寒、杨夏琳,拜师过花鸟大师关山月、张人希,也拜师过南京画家亚明、浙江画家邵瑕远、厦门书法家罗丹、厦门大学艺术系教授余纲、书法家白启鸿、陈美祥、何炳仲等,他也走上书画艺术创作之路。在武术界里,曾拜师过福建省自然门大师万籁声、柯子聪师父为师,在通背门里拜过孙振环大弟子高能老师、孙庆、张长建、黄家财为师。在泰拳界里,不惜一小时5000铢的代价向世界泰拳王沙嘎蓬﹒特威、帕塔亚﹒息约通大师、猜亚密宗拳大师求学过,前后正式上擂台15次均取得好成绩,分别在好几个国家参加打比赛。
ปี 1982 – 1986 คุณตาของเขาเห็นลู่ทางในการทำธุรกิจ จึงร่วมหุ้นกับลูกพี่น้องลงทุนเงินจำนวนกว่า 500,000 บาท และส่งเสียคุณอุทัยไปเรียนต่อด้านศิลปะ ด้วยตระหนักถึงความฝันของเขาเป็นสำคัญ คุณอุทัยกลับไปที่ฝูเจี้ยนเพื่อศึกษาที่โรงเรียนศิลปหัตถกรรมเซี่ยเหมิน และเรียนต่อด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน โดยสำเร็จการศึกษาจากที่นั้น เขามีโอกาสได้เรียนรู้ศาสตร์ด้านศิลปะจากปรมาจารย์หลายท่าน ได้แก่ จาง เสี่ยวหาน (Zhang Xiao Han) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมภูมิทัศน์, หยาง เซี่ยะหลิน (Yang Xia Lin)ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพวาดดอกไม้และนกสไตล์จีน, กวน ซานเย่ (Guan Shan Ye),จาง เหรินซี่ (Zhang Ren Xi) จิตรกรชาวหนานจิง, เซา หยวนหยว&

抱歉! 此分类暂时没有相关商品。